ลดความอ้วน ลดความเสี่ยง โรคหัวใจ


อัตราการเสียชีวิตด้วย โรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มสูงมากขึ้น และปัจจุบันก็มีคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง และเบาหวานมากถึงปีละกว่า 85,000 ราย หรือวันละ 236 คน ซึ่งผู้ป่วยที่เสียชีวิตเหล่านี้ ล้วนมีภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวานร่วมด้วย เนื่องจากเป็นโรคในระบบเดียวกัน

เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคก็ต้องป้องกันด้วยการไม่ทำตัวเองให้อ้วน เพราะโรคอ้วนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ตามด้วยเบาหวาน และไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือดสูงด้วย ฉะนั้น ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ต้องทำตัวเองให้ไม่อ้วน

ท่านคะ การเซาน่าด้วนคลื่นความร้อนไบโอสเปคตรั่มในเวลาครึ่งชั่วโมงจะเผาผลาญสาร อาหาร 600-900 กิโลแคลลอรี่ เทียบเท่าการวิ่ง 6 กิโลเมตร ขณะที่หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก นอกจากนี้มีการศึกษาวิจัย พบว่า เหงื่อที่ออกมาจากการเซาน่าด้วยระบบไบโอสเปคตรั่ม ในแต่ละเม็ด ประกอบด้วนน้ำ 80% อีก 20% เป็นไขมันและของเสีย ซึ่งแตกต่างกับการขับเหงื่อด้วยวิธีอื่นจะขับได้แต่น้ำ การขับไขมันและของเสียได้เพียงเล็กน้อย


ความอ้วนกับความเสี่ยง ดูจะเป็นเนื้อคู่ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นดีเห็นงามเลย ออกจะหนักไปทางคู่กรรมคู่เวรเสียมากกว่า เพราะหลาย ๆ คนก็พยายามไม่อ้วนด้วยความปรารถนาแตกต่างกันไป หลายคนไม่อยากอ้วนเพราะไม่อยากมีปมด้อยในรูปร่าง หลายคนลดอ้วนเพื่อภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดี และก็มีอีกหลายคนมากที่พยายามลดความอ้วนเพราะรักสุขภาพ พยายามหาวิธีต่าง ๆ มากมายที่จะลดน้ำหนักส่วนเกินให้ได้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่าง ๆ

และด้วยความรู้และวิทยาการเกี่ยวกับพิษภัย จากหุ่นที่อ้วนเกินมาตรฐานในวันนี้จากสื่อต่าง ๆ เชื่อกันว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าผู้ที่มีรูปร่างอวบอ้วนนั้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในโรคยอดฮิตของคนอ้วน ก็คือโรคหัวใจ เราลองมาทบทวนกันสักนิดนะครับว่า เมื่อคุณเป็นโรคอ้วน หรือมีร่างกายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์แล้วมีความเสี่ยง และสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคร้ายอื่น ๆ ที่ตามมามากน้อยเพียงใด

มวลกายเพิ่ม วิกฤติเพิ่ม

เมื่อใดก็ตามที่คุณอ้วนมากขึ้นจนคะเนได้จากสายตา และเมื่อวิเคราะห์ดัชนีมวลกายของตนเองแล้วมี 25-29 กิโลกรัม/ตารางเมตร จากดัชนีมวลกายที่เพิ่มชั้นนั้นเป็นไปได้ว่า หากไม่ลดน้ำหนัก อีกไม่นานโรคหัวใจขาดเลือดจะมารอที่ประตูบ้าน คอยทักทายอาศัยอยู่กับคุณแล้ว และคุณอาจกำลังเผชิญกับโรคเบาหวานด้วย เพราะขณะนี้น้ำหนักคุณเกินมาตรฐานแล้ว ซึ่งมันกำลังนำไปสู่โรคหัวใจ และโรคร้ายอื่น ๆ ได้

และหากดัชนีมวลกายพุ่งมากกว่า 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจก็เพิ่มสูงขึ้นมากจนอยู่ในชั้นต้องระวัง และได้รับการตรวจวินิจฉัย รายชื่อต่อมาที่คุณอาจจะรู้จักเพิ่มในเวลานั้นก็คือ โรคหลอดเลือดหัวใจ และภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเป็นต้น

ตัวการร้ายคือ ไขมันเลว

ไขมันถือเป็นเหมือนคำสาปของความอ้วน และไขมันชนิดหลัก ๆ 2 ชนิด ที่ทำให้คุณมีโอกาสป่วยเป็นโรคหัวใจก็คือ ไขมันเลว หรือไขมันชนิดไม่ดี (LDL) และไขมันดี (HDL) ไขมันสองตัวการนี้จะเชื่องโยงกัน โดยมีความสำคัญอย่างมากต่อระดับน้ำหนักตัวความอ้วน และความเสี่ยงต่อโรค

โดยเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีไขมันเลวมาก แต่ขณะเดียวกันพบว่าไขมันดี หรือคอเลสเตอรอลชนิดดีมีอยู่ในร่างกายน้อย ก็จะทำให้ขัดขวางกลไกของร่างกายทำให้เกิดการเจ็บป่วย

ความลับประการสำคัญของสองตัวการระหว่างไขมันดี และไขมันเลวที่คุณควรรู้คือ หากในร่างกายคุณมีไขมันดีมาก ไขมันเลวก็จะไม่มีฤทธิ์เดชทำร้ายร่างกาย เพราะเมื่อร่างกายมีไขมันดี หรือ HDL มีความหนาแน่นมาก ก็จะช่วยดึงไขมันจากเซลล์ต่าง ๆ นำมาใช้งาน เป็นเหมือนพนักงานเก็บขยะมีพิษส่งไปสู่ตับ เพื่อทำการเปลี่ยนไขมันเป็นน้ำดี และจัดการย่อยไขมันสลายต่อไป และเมื่อใดที่เราสามารถเพิ่มไขมัน HDL ให้มีในร่างกายหนาแน่นขึ้น ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจก็ลดลงเช่นกัน

Did You Know?

รู้หรือไม่ว่า...เมื่อคุณเพิ่มไขมันดีได้ 1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โอกาสที่คุณเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลงมากถึง 2 เปอร์เซ็นต์

การลดน้ำหนักควบคู่ไปกับควบคุมอาหารคือ ทางสว่าง

หากถามว่า แล้วจะทำอย่างไรให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยลง ทำอย่างไรให้ HDL มีหนาแน่นขึ้น เชื่อว่าคำตอบนี้คุณรู้ดี ก็คือการลดความอ้วนนั่นเอง

การออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งดี ๆ ที่ช่วยให้คุณลดความเสี่ยงได้โดยวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการเดิน โดยการเดินเร็ว เพียง 30 นาที/วัน ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้ ประมาณสัปดาห์ละ 1,200 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว และเมื่อคุณลดน้ำหนักได้ 1 ปอนด์ หรือประมาณ 0.45 กิโลกรัม ไขมัน HDL ก็จะเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อคุณลดน้ำหนักอย่างได้ผลถึง 5-10 เปอร์เซ็นต์ ไขมันเลวในร่างกายของคุณก็จะลดลงได้มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ไตรกลีเซอร์ไรด์จะลดลง 20-30 เปอร์เซ็นต์ และไขมันดีจะเพิ่มถึง 8-10 นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้นมาก และหัวใจของคุณก็แข็งแรงขึ้นมากเช่นกัน

ที่สำคัญไม่แพ้กันในการป้องกันโรคอ้วนและโรคหัวใจ คือ การควบคุมอาหารให้มีโภชนาการที่ดี ลดอาหารประเภทไขมัน ของทอด แป้ง และหากคุณปรุงอาหารรับประทาน ควรเลือกน้ำมันประเภทที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว อาทิ น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา ในการปรุงอาหาร ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและโรคหัวใจ ก็จะลดลงตามไปด้วย

Did You Know?

คุณรู้หรือไม่ว่า เมื่อคุณลดน้ำหนัก ของรางวัลที่ดีต่อสุขภาพที่คุณได้รับก็คือ หากคุณลดน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม คุณจะลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และหากมากกว่า 9 กิโลกรัม คุณจะลดเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ถึง 25 เปอร์เซ็นต์



ที่มาจาก : health.kapook.com
รูปภาพจาก : rd1677.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น